วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556
4.การแต่งกายสมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
4.การแต่งกายสมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
Bord.postjung.com,2013ระบุว่า พระมเหสีเทวีแต่โบราณเสวยพระกระยาหารต่างเวลากับพระมหากษัตริย์
ย่อมโปรดให้ข้าหลวงตั้งเครื่องเสวยของพระองค์เองก่อนหรือภายหลัง
เพื่อมีเวลาถวายปรนนิบัติพระราชสวามีได้เต็มที่ เครื่องทรงเป็นภูษาจีบห่มผ้าปัก
มีเครื่องประกอบยศขัตติยนารี
อ้างอิง
Bord.postjung.com 2013.
การแต่งกายของไทย(ออนไลน์).สืบค้นจาก: http://board.postjung.com/topic-421752.html
[20พฤศจิกายน2556].
6.การแต่งกายสมัยอยุธยา(พ.ศ.๒๒๗๕-๒๓๐๑)
6.การแต่งกายสมัยอยุธยา(พ.ศ.๒๒๗๕-๒๓๐๑)
Bord.postjung.com,2013ระบุว่า ในสมัยอยุธยารัชกาลพระเจ้าบรมโกษฐ์
วรรณคดีไทยเฟื่องฟูมาก เช่น มีกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
ซึ่งได้ใช้ขับเห่เรือพระที่นั่งมาจนปัจจุบัน การแต่งกายสตรีตามภาพพจน์นิพนธ์กล่าวว่า
“คิดอนงค์องค์เอวอร
ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร”
และ “ผมเผ้าเจ้าดำขลับ
แสงยับยับกลิ่นหอมรวย
ประบ่าอ่าสละสลวย คือมณีสีแสงนิล”
แสดงว่าสตรีนิยมไว้ผมยาว
เจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎ พระราชธิดาสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ์ได้นิพนธ์บทละครเรื่อง
ดาหลังและอิเหนา ขึ้น ตามเค้าเรื่องที่ข้าหลวงเชื้อชาติมลายูเล่าถวาย
สิ้นรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์
ประเทศไทยต้องทำศึกสงคราม การแต่งกายของสตรีจึงเปลี่ยนแปลงไป
ผมที่เคยไว้ยาวประบ่าก็ต้องตัดสั้น
เพื่อสะดวกในการปลอมเป็นชายอพยพหลบหนี
ห่มผ้าคาดอกแบบตะเบงมานรวบชายผูกเงื่อนที่ต้นคอ แสดงถึงหญิงไทย
แม้จะเป็นเพศอ่อนโยนสวยงาม แต่ก็อาจปรับตัวรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้
งานบ้านปรกติก็ต้องทำ เช่น ฝัดข้าวไว้หุง แต่พอมีสัญญาณภัยก็วางกะด้ง คว้าดาบ
อ้างอิง
Bord.postjung.com 2013.
การแต่งกายของไทย(ออนไลน์).สืบค้นจาก: http://board.postjung.com/topic-421752.html
[20พฤศจิกายน2556].
5.การแต่งกายสมัยต้นสมัยอยุธยา(พ.ศ.๑๘๙๓-๒๑๓๑)
5.การแต่งกายสมัยต้นสมัยอยุธยา(พ.ศ.๑๘๙๓-๒๑๓๑)
Bord.postjung.com,2013ระบุว่า พระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา
ศิลปะการดนตรีขับร้องและกลอนเพลงเฟื่องฟู ไทยเริ่มนุ่งโจงกระเบน
แปลงจากทรงหยักรั้งอย่างขอม หญิงนุ่งจีบห่มสไบ
มีผ้าห่มชั้นในอีกผืนหนึ่งห่มอย่างผ้าแถบสไบชั้นนอกใช้ผ้าเนื้อหนาก็ได้
ตามกฎมณเฑียรบาลสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถระบุว่า “เมื่องานใส่เศียรเพชรมวย” คือเกล้าไว้ที่ท้ายทอย "เกล้าหนูนยิกเกี้ยวแซม" คือ
ผมเกล้าสูงไว้บนกระหม่อม
อ้างอิง
Bord.postjung.com 2013.
การแต่งกายของไทย(ออนไลน์).สืบค้นจาก: http://board.postjung.com/topic-421752.html
[20พฤศจิกายน2556].
วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556
3.การแต่งกายสมัยสุโขทัย(๑๗๘๑-๑๘๒๖)
3.การแต่งกายสมัยสุโขทัย(๑๗๘๑-๑๘๒๖)
Bord.postjung.com,2013ระบุว่า
อาณาจักรสุโขทัยเริ่มราว พ.ศ. ๑๗๘๑
เป็นระยะเวลาใกล้กับที่ไทยอีกพวกหนึ่งเรียกตัวเองว่า ปงหรือปา
ไปก่อตั้งอาณาจักรอาหม บัดนี้คือมณฑลอัสสัมในอินเดีย พ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัย
ทรงคิดตัวอักษรไทยขึ้น อิทธิพลทางวัฒนธรรมพราหมณ์และขอมแพร่มาถึงสตรีไว้ผมเกล้าสูง
อย่างที่เรียกว่า โองขโดง คือรวบขึ้นไปเกล้ามวยกลางกระหม่อม
มีเกี้ยวหรือพวงมาลัยสวม สนมกำนัลแต่งกรัชกายนุ่งห่มผ้าลิขิตพัสตร์
ผ้าสุวรรณพัสตร์ ประดับเครื่องอลังกาภรณ์ มีจดหมายเหตุบันทึกการแต่งกายสตรีว่า
หญิงนุ่งผ้าสูงพ้นดิน ๒ - ๓ นิ้ว (กรอมเท้า) สวมรองเท้ากีบทำด้วยหนังสีดำสีแดง
อ้างอิง
Bord.postjung.com 2013.
การแต่งกายของไทย(ออนไลน์).สืบค้นจาก: http://board.postjung.com/topic-421752.html
[20พฤศจิกายน2556].
2. .การแต่งกายสมัยเชียงแสน(พ.ศ.๑๖๖๑-๑๗๓๑)
2. .การแต่งกายสมัยเชียงแสน(พ.ศ.๑๖๖๑-๑๗๓๑)
Bord.postjung.com,2013ระบุว่า อาณาจักรน่านเจ้าสิ้นสุดลง
ชนชาติไทยเคลื่อนสู่แหลมอินโดจีนรวบรวมกันเป็นอาณาจักรใหม่ เรียกลานนาไทย
หรือเชียงแสน ราว พ.ศ. ๑๖๖๑–๑๗๓๑
เนื่องแต่เข้ามาอยู่ในเขตร้อน หญิงไทยจึงนุ่งซิ่นถุง
แต่การทอผ้ามีลวดลายตกแต่งประดับประดา เช่น ซิ่นทอลายขวาง เกล้าผมสูง
ปักปิ่นประดับผม
อ้างอิง
Bord.postjung.com 2013.
การแต่งกายของไทย(ออนไลน์).สืบค้นจาก: http://board.postjung.com/topic-421752.html
[20พฤศจิกายน2556].
1.การแต่งกายสมัยน่านเจ้า(พ.ศ.๑๑๖๑-๑๑๙๔)
1.การแต่งกายสมัยน่านเจ้า(พ.ศ.๑๑๖๑-๑๑๙๔)
Bord.postjung.com,2013ระบุว่า เมื่อชนชาติไทยอพยพเคลื่อนที่ลงมาสู่แหลมอินโดจีนโดยลำดับ
จนได้ตั้งอาณาจักรไทยน่านเจ้าขึ้นเป็นอาณาจักรไทยแห่งหนึ่งที่หนองแสตาลีฟู
หญิงไทยคงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีทางการแต่งกายของตนไว้
ไม่ใช้ฝุ่นผัดหน้าหรือเขียนคิ้ว ใช้น้ำกลั่นจากต้นหม่อนทาผม หญิงผู้ดีนุ่งซิ่นไหม
ใช้ผ้าไหมอีกผืนหนึ่งคาดเอวไว้ ผมมุ่นสูง บางทีถักเป็นเปียห้อยลงสองข้าง
ใช้ต่างหูทำด้วยไข่มุก ทับทิมหรืออำพัน นิยมใช้รองเท้าฟาง
อ้างอิง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)